อุปกรณ์กายภาพบําบัดที่ใช้ แม่เหล็กไฟฟ้า (Magneto Therapy) และ เลเซอร์บําบัด (Laser Therapy) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดลดการอักเสบ และกระตุ้นการฟื้นฟู ของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
Magneto Therapy ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้น เซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และลดอาการอักเสบ
Laser Therapy ใช้เลเซอร์พลังงานสูงเจาะลึกลงสู่เนื้อเยื่อเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟู เซลล์และบรรเทาอาการปวด
พลังงานแม่เหล็กสูงสุด 6T
รองรับการใช้งานกับหลายจุดพร้อมกัน (Dual Handpieces)
ช่วยบำบัดอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
มีโหมดรักษาหลายระดับ
Q: PMS Therapy คืออะไร และทำงานอย่างไร?
A: PMS Therapy หรือ Pulsed Magnetic Stimulation เป็นการบำบัดที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพัลส์เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และระบบไหลเวียนโลหิต โดยไม่ต้องสัมผัสร่างกายโดยตรง สนามแม่เหล็กที่ปล่อยออกมาจะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวด และเร่งกระบวนการฟื้นฟูของร่างกาย
Q: PMS Therapy ใช้รักษาอะไรได้บ้าง?
A: เครื่อง PMS สามารถใช้บำบัดและรักษาอาการต่างๆ เช่น:
Q: PMS Therapy ต่างจาก TENS หรือ Ultrasound Therapy อย่างไร?
A:
Q: เครื่อง PMS Therapy มีผลข้างเคียงหรือไม่?
A: PMS Therapy เป็นการบำบัดที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการเล็กน้อยเช่น:
Q: ใครที่ไม่ควรใช้ PMS Therapy?
A: บุคคลที่ ไม่ควรใช้ PMS Therapy ได้แก่:
Q: ใช้ PMS Therapy ได้บ่อยแค่ไหน?
A: ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ ตามคำแนะนำของแพทย์ หากเป็นอาการปวดเรื้อรัง สามารถใช้ได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ แล้วประเมินผล
Q: การบำบัดด้วย PMS ใช้เวลานานเท่าใดต่อครั้ง?
A:
Q: PMS Therapy สามารถใช้ร่วมกับการรักษาแบบอื่นได้หรือไม่?
A: ได้! PMS Therapy สามารถใช้ร่วมกับ กายภาพบำบัด (Physical Therapy), การฝังเข็ม, TENS, Ultrasound Therapy, และ Shockwave Therapy เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา
Q: หลังจากใช้ PMS Therapy ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
A:
Q: สามารถใช้ PMS Therapy ที่บ้านได้หรือไม่?
A: ได้ หากเป็นเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับใช้ที่บ้าน แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัย
Q: PMS Therapy ใช้รักษาผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือไม่?
A: ใช่! PMS Therapy สามารถใช้ กระตุ้นกล้ามเนื้อในผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Atrophy) หรือผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บและต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรง